"พลังงานสะอาด" ชี้ช่องผู้ประกอบการไทยร่วม RE100 ชิงความได้เปรียบแข่งเวทีโลก

12 กันยายน 2567 13.03 น.
อ่าน 1,294 ครั้ง
 
เวทีสัมมนา “พลังงานสะอาด” ความยั่งยืน และทางรอดธุรกิจยุคใหม่ แชร์ประสบการณ์ทางเลือก และทางรอดสำหรับธุรกิจยุคใหม่จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากกลุ่ม RE 100 ระดมสมองวิเคราะห์ทิศทางธุรกิจพลังงานในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ชี้ช่องทางเร่งรับมือรวมกลุ่มเพื่อกระตุ้นธุรกิจไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานสะอาดได้ทั้ง 100 % ภายในปี 2040
 
วันนี้ (11 ก.ย. 2567) ในการสัมมนาหัวข้อ “พลังงานสะอาด” ความยั่งยืน และทางรอดธุรกิจยุคใหม่ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจและแนวทางปฏิบัติด้านพลังงานสะอาด เจาะลึกแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานที่ยั่งยืน มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานและร่วมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “รื้อ ลด ปลด สร้าง เพื่อเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน” และมีไฮไลต์สำคัญจากกลุ่ม RE 100 ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระดับโลกในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงาน 100% มาแบ่งปันประสบการณ์สู่ผู้ประกอบการไทย
 
 
 
 
นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียวจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ข้อมูลจาก Energy Transition Investment Trends 2024 ของบลูมเบิร์กคาดว่าจากมูลค่าทั่วโลกประมาณ 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2023จะเพิ่มเป็น 4 – 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2030 ซึ่งมาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ ภาวะโลกร้อน (Global Warming) และเหตุผลทางธุรกิจ

ปัจจัยแรก ผลกระทบจาก Global Warmingได้ส่งผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างความเสียหายให้กับโลกคิดเป็นมูลค่าราว 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา (ปี 2000 – 2019) ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรมที่ต้องปรับตัวตามสภาพอากาศ น้ำท่วมที่มีความถี่เพิ่มขึ้น และที่น่ากังวลประการหนึ่งคือ ประเทศไทยติดอันดับ TOP 10 ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Global Warming มากที่สุดในโลกด้วย

ปัจจัยที่สอง เหตุผลทางธุรกิจ ปัจจุบันจะเริ่มเห็นนโยบายที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องเริ่มลดปริมาณคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมที่ดำเนินการ เช่น การออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ที่ผลักดันเก็บภาษีในผลิตภัณฑ์ที่มีการปล่อยคาร์บอนเข้มข้น เช่น เหล็ก ซีเมนต์ และไฟฟ้าบางชนิด ที่นำเข้าไปยังสหภาพยุโรปหรือ CORSIA เริ่มออกนโยบายให้อุตสาหกรรมการบินต้องเริ่มใช้พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทขนาดใหญ่ เช่น Tesla, Apple ต่างมีเป้าหมายในการเข้าถึง Net ZeroEmissions ทั้งห่วงโซ่การผลิตภายในปี 2030 นั่นหมาย ความว่า ธุรกิจที่จะเข้าร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ๆ เหล่านี้จะต้องใช้พลังงานสะอาดทั้ง 100% ด้วย

แนวโน้มที่กล่าวมาชี้ให้เห็นว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไป แม้ว่าธุรกิจจะไม่ได้ส่งออกไปยุโรป หรือเป็นคู่ค้ากับบริษัทที่มีเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม แต่ในความเป็นจริงเรื่องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด ซึ่งประเทศไทยก็เริ่มมีการกล่าวถึงเรื่องการจัดเก็บภาษีคาร์บอน และการเตรียมออกกฎหมายพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประเทศไทย เหล่านี้จะเริ่มมีผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจในไทยอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ในการกระตุ้นหรือผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงยุคโลกรวนนี้ยังมีอุปสรรคสำคัญที่ต้องเผชิญ กล่าวคือ ผู้ประกอบการยังมองว่าเรื่องธุรกิจพลังงานสะอาดหรือธุรกิจแบบสีเขียว (Green) ไม่ได้เป็นเรื่องหลักที่องค์กรต้องให้ความสำคัญลำดับแรกๆ เพราะธุรกิจของตนไม่ใช่ธุรกิจที่เกี่ยวกับ Green และยังมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะดำเนินการ ที่สำคัญคือมีราคาแพงทำให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นไปอีก
 
“การทลายกำแพงความคิดในเรื่อง Go Green เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องเปลี่ยนผ่านให้สำเร็จ Green จะต้องถูกวางเป็นกลยุทธ์ในอนาคตขององค์กร Green จะเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายหากทำถูกทาง และที่สำคัญ Green จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและปลดล็อคข้อจำกัดการเข้าสู่ที่ตลาดสำคัญที่มีข้อจำกัด” นายอธิปกล่าว
 
การจัดงานในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นที่จะช่วยให้องค์กร ภาคธุรกิจ และสังคม เกิดความตระหนักรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และผลกระทบจากสถานการณ์ในปัจจุบันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยเป็น อีกแรงหนึ่งที่จะผลักดันส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจไทยมีมุมมองแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลง พร้อมที่จะปรับตัว รวมทั้งมีแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ และก่อให้เกิดธุรกิจที่ยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคต
 
 
 
 
นายโทบี้ วอร์คเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของ RE 100 จากลอนดอน สหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า การสัมมนามุ่งนำเสนอทฤษฎีแห่งการเปลี่ยนแปลงของ RE 100 ที่เน้นความร่วมมือกันขับเคลื่อนภารกิจเร่งการเปลี่ยนแปลง การขยายสู่โครงข่าย เพื่อให้ของการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยส่งเสริมนโยบายด้านการตลาดที่สำคัญ ทั้งเพิ่มสนับสนุนความพร้อม และความสามารถในการจ่ายพลังงานหมุนเวียน โดยมีกรณีศึกษาระดับภูมิภาคเอเชียจากญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ซึ่งจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่เป็นบทเรียนเพื่อนำมาประยุกต์กับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทย
 
 
 
 
สำหรับ RE 100 เป็นโครงการเครือข่ายที่เริ่มเริ่มด้านพลังงานทดแทนระดับองค์กรระดับโลกของ Climate Group โดยรวบรวมธุรกิจขนาดใหญ่กว่า 400 รายที่มุ่งมั่นจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงที่เป็นพลังงานหมุนเวียน 100% ภารกิจคือการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่โครงข่ายคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2040 และเพื่อสนับสนุนภารกิจดังกล่าว กิจกรรมของกลุ่มจะเน้นส่งเสริมไปในพื้นที่ที่องค์กรยังไม่มีการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด หรือมีแต่ยังค่อนข้างน้อยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งการเข้าร่วมจะเป็นเสมือนการส่งสัญญาณความต้องการต้องที่ชัดเจนไปยังภาครัฐของแต่ละประเทศให้ตระหนักถึงศักยภาพในการลงทุนที่เกี่ยวข้อง และพร้อมเร่งขจัดอุปสรรคด้านนโยบายเพื่อบริษัทต่างๆ สามารถจัดหาพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ได้อย่างรวดเร็วและราคายุติธรรม โดยมีพื้นที่ในภูมิภาคที่สำคัญ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย แอฟริกาใต้ และสำหรับในประเทศไทย ก็หวังจะดึงความร่วมมือจากสมาชิกทั่วโลกที่มีสาขาสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยด้วย

“แม้จะยังบอกไม่ได้ถึงตัวเลขการลดปริมาณคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกของสมาชิกเนื่องจากขนาดของสมาชิก และขนาดกำลังการผลิตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ตัวเลขที่อ้างอิงถึงได้คือ ขนาดความต้องการใช้ไฟฟ้ารวมของสมาชิกกว่า 400 รายมีมากกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าต่อปีของทั้งประเทศฝรั่งเศส และใกล้เคียงกับความต้องการใช้ไฟของเยอรมนีอีกด้วย โดยมีกำลังการผลิตเกิน 550TWh (เทระวัตต์-ชั่วโมง) ต่อปี และสมาชิกให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนได้ 100% ภายในปี 2050 ซึ่งในจำนวนนี้รวมแบรนด์ยักษ์ใหญ่ อย่าง Apple, Sony, Samsung Electronics, AB InBev และ Google” นายโทบี้กล่าว
                                       
- Advertisement -
- Advertisement -

RELATED

- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -

Lasted

  • "เด็กซ์ซอน" โชว์นวัตกรรมการตรวจสอบล้ำสมัย ในงาน Oil & Gas Thailand 2024
    09 ต.ค. 2567 11.49 น.
  • BAFS รักษ์โลก สานต่อโครงการ “เติมเต็มโลก เติมเต็มชีวิต” ครั้งที่ 3 รวมพลังเก็บขยะชายฝั่ง ฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
    08 ต.ค. 2567 10.44 น.
  • ออมสิน ช่วยลูกหนี้รับมือน้ำท่วมซ้ำเติมอีกระลอก ให้ขยายเวลาพักหนี้ออโต้จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน
    04 ต.ค. 2567 18.30 น.
  • สถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบ 8 เดือน ของปี 2567 (มกราคม – สิงหาคม)
    04 ต.ค. 2567 00.40 น.
  • “QTC RE” ลงนาม “SolarEdge” ผู้นำด้านพลังงานโซลาร์อัจฉริยะ ด้วยโซลูชันระดับโลก
    04 ต.ค. 2567 00.31 น.

Most Viewed

  • "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" คว้าสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี
    20 มิ.ย. 2566 21.47 น.
  • 54 ปี กฟผ. เดินหน้าผลิตไฟฟ้าสีเขียว รุกขยายโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อน
    01 พ.ค. 2566 09.50 น.
  • ‘ผลิต-ไฟฟ้าลาว’ มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตเด่น รับดีมานด์ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเพิ่ม
    03 พ.ค. 2566 13.56 น.
  • แม่ฮ่องสอน..สู่เมืองท่องเที่ยวสีเขียว ชู "โซลาร์ฟาร์มสมาร์ทกริด" พร้อมจ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ววันนี้
    25 พ.ค. 2566 17.14 น.
  • 3 การไฟฟ้าจัดใหญ่ ครั้งแรกของโชว์สุดยอดนวัตกรรม ตอบโจทย์ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า
    12 มิ.ย. 2566 17.47 น.