กลุ่มบางจากฯ ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก เติบโตต่อเนื่อง รายได้รวม 152,852 ล้านบาท

11 สิงหาคม 2565 13.27 น.
อ่าน 1,350 ครั้ง
 
กลุ่มบางจากฯ รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก เติบโตต่อเนื่อง รายได้รวม 152,852 ล้านบาท โดยหลักจากธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ามันและธุรกิจต้นน้าที่นอร์เวย์ ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ามันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น

ผลการดาเนินงานกลุ่มบริษัทบางจากฯ ครึ่งปีแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 152,852 ล้านบาท มี EBITDA 26,286 ล้านบาท ตามอุปสงค์หรือความต้องการใช้น้ามันที่ฟื้นตัวท่ามกลางอุปทานที่ตึงตัว จากสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทาให้บริษัทมีกาไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 9,633 ล้านบาท คิดเป็นกาไรต่อหุ้น 6.91 บาท เร่งเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคง ทางพลังงานให้กับประเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเพื่อขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่า พร้อมเตรียมรับมือภาวะเงินเฟ้อและแรงกดดันเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลัง
 
 
 
 
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจาก เปิดเผยถึงผลการดาเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ของกลุ่มบางจากฯ ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 152,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน มี EBITDA 26,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 192 โดยผลดาเนินงานที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจาก การเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนใน OKEA เป็นบริษัทย่อยตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 เป็นต้นมา และส่วนที่เหลือ ปรับเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ามัน ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ามันดิบและราคาน้ามันสาเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกัน โควิด-19 ทาให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อุปทานน้ามันยังมีความตึงตัวจาก ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และกลุ่มโอเปกพลัสไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ามันได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยราคาน้ามันดิบดูไบเฉลี่ยในครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ 102.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 2564 จานวน 38.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Gain 8,451 ล้านบาท
 
 
 

โดยผลการดาเนินงานที่ปรับเพิ่มขึ้นที่ได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ามันที่ฟื้นตัวจากการ ผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ทาให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางกลับคืนมา ขณะที่อุปทานน้ามันยังตึงตัวจากสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และกลุ่มโอเปกพลัสไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ามันได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการที่ส่วนต่างราคาน้ามันสาเร็จรูปและน้ามันดิบอ้างอิง (Crack Spread) ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากตามกลไกราคาตลาดซึ่งเพิ่มขึ้นลดลงตามอุปสงค์และอุปทาน ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ามัน มี EBITDA รวม 11,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 163 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีค่าการกลั่นพื้นฐาน (Operating GRM) ปรับเพิ่มขึ้น และโรงกลั่นบางจากฯ ยังคงอัตรากาลังการผลิตเฉลี่ยที่สูงในระดับ 122.3 พันบาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็นร้อยละ 102 ของกาลังการผลิตรวมของโรงกลั่นด้านธุรกิจการค้าน้ามัน โดย BCPT ปรับตัวดีขึ้นจากกาไรต่อหน่วยของการซื้อขายผลิตภัณฑ์ กลุ่มแก๊สโซลีน / แนฟทาปรับสูงขึ้น พร้อมรับรู้กาไรจากการเข้าทาสัญญาซื้อขายน้ามันดิบและผลิตภัณฑ์น้ามันล่วงหน้า
 
 
 

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 2,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับปัจจัยบวกจากปริมาณการจาหน่ายที่ปรับเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายลง ในขณะที่ค่าการตลาดรวมสุทธิต่อหน่วยปรับลดลงเล็กน้อย ภายใต้ภาวะราคาน้ามันสูง โดยบริษัทฯ ได้มีการจัดทาโครงการ “ลิตรละบาท” มอบคูปองส่วนลดการเติมน้ามันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด บนหน้าหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนอีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งมุ่งเน้นที่จะพัฒนาศักยภาพและขยายธุรกิจ Non-Oil รวมถึงเร่งเดินหน้าขยายความร่วมมือกับพันธมิตรด้านธุรกิจร้านอาหารชั้นนา และร้านอาหารสตรีทฟู้ด เพื่อรองรับวิถีชีวิตยุคใหม่ให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยอย่างสะดวกรวดเร็วและง่ายขึ้น โดยปัจจุบันมีร้านอาหารแบบเครือข่ายเปิดให้บริการเพิ่มเติมในสถานีบริการน้ามันบางจาก

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA รวม 4,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 112 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากการเปิดดาเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น 3 โครงการ ได้แก่ ยาบุกิ กาลังการผลิตตามสัญญา 20 เมกะวัตต์ โคมากาเนะ กาลังการผลิตตามสัญญา 25 เมกะวัตต์ และชิบะ 1 กาลังการผลิตตามสัญญา 20 เมกะวัตต์ อีกทั้งรับรู้กาไรจากการขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท Star Energy Group Holdings Pte. Ltd. (“SEGHPL”) 2,031 ล้านบาท
 
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 437 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากการขายปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาขายไบโอดีเซล (B100) ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ามันปาล์มดิบ ในขณะที่กาไรขั้นต้น ปรับลดลง โดยหลักมาจากธุรกิจไบโอดีเซลและธุรกิจเอทานอลมีปริมาณการจาหน่ายที่ปรับลดลง อีกทั้งราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน สาหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (High Value Products (HVP)) BBGI ได้เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัท ไบโอม จากัด (“ไบโอม”) ซึ่งเป็นบริษัท Spin Off แห่งแรกของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อต่อยอดมูลค่างานวิจัย ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดย BBGI ได้รับสิทธิเป็นรายแรกในการนาผลงานวิจัยของไบโอมมาต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะงานวิจัยผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ใช้เทคโนโลยี Synthetic Biology (ชีววิทยาสังเคราะห์) รวมถึงผลิตภัณฑ์ชีวภาพอื่น ๆ นอกจากนี้บริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จากัด (BBGI ถือหุ้น 51%) ได้จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท วิน อินกรีเดียนส์ สิงคโปร์ ไพรเวท ลิมิเต็ด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพและให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและการค้า
 
 
 

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 7,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละกว่า 1,000 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับปัจจัยบวกจากราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 192 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากพิจารณาเฉพาะผลการดาเนินงานของ OKEA ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา พบว่า EBITDA ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 288 จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าโดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาน้ามันดิบและก๊าซปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดโลก อีกทั้งปริมาณจาหน่ายปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากแหล่ง Gjøa และ Yme นอกจากนี้ OKEA ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อแหล่งปิโตรเลียมในทะเลเหนือ 3 แหล่ง จากบริษัท Wintershall Dea Norge AS ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสสุดท้าย และช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในปี 2565 ของ OKEA อีกประมาณ 5,000 - 6,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ามันดิบต่อวัน
 
 
 

สาหรับผลการดาเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและให้บริการ 83,796 ล้านบาท EBITDA 12,572 ล้านบาท ทาให้บริษัทมีกาไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 5,276 ล้านบาท คิดเป็นกาไรต่อหุ้น 3.79 บาท โดยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ามันได้รับปัจจัยบวกจาก Operating GRM ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวช่วยบรรเทาผลการดาเนินงานของกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาขายก๊าซธรรมชาติไปจาหน่ายในประเทศอังกฤษปรับลดลงอย่างมาก รวมทั้งการอ่อนค่าของสกุลเงินโครนนอร์เวย์ (NOK) เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดการณ์ว่าราคาน้ามันจะปรับลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ามันได้รับแรงกดดันความกังวลเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างเร็วและธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกดาเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ามันยังคงได้รับแรงหนุนจากจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ประกอบกับกลุ่มโอเปกพลัสไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ามันได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงติดตามและประเมินสถานการณ์ราคาน้ามันอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนธุรกิจให้เหมาะสม บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้เพียงพอกับการดาเนินธุรกิจและแผนการลงทุน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและราคาน้ามันที่ผันผวน พร้อมทั้งเร่งการลงทุนเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเพื่อขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกภาคส่วน
- Advertisement -
- Advertisement -

RELATED

- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -

Lasted

  • สนพ.นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมพลังงานสะอาดของ กฟผ. 3 แห่ง ณ เขื่อนศรีนครินทร์
    28 มี.ค. 2567 17.29 น.
  • กกพ. ประกาศ "ตรึงค่าเอฟที 39.72 สตางค์/หน่วย" ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย 4.18 บาท/หน่วย ถึง ส.ค. 67
    27 มี.ค. 2567 13.45 น.
  • "กรมธุรกิจพลังงาน" ย้ำ "ปัญหา LPG ต้องแก้ทั้งระบบ"
    27 มี.ค. 2567 13.40 น.
  • “กัลฟ์” จับมือ “ซันโกรว์” รุกโซลาร์ จัดหาระบบกักเก็บพลังงาน-อินเวอร์เตอร์ หนุนพลังงานสะอาด 3,500 MW
    27 มี.ค. 2567 08.34 น.
  • กัลฟ์ จับมือ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ จัดกิจกรรม “สนุกสุขสันต์วันพบปะครอบครัว ปี 2567”
    26 มี.ค. 2567 16.06 น.

Most Viewed

  • "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" คว้าสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี
    20 มิ.ย. 2566 21.47 น.
  • สนพ. เผยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพโลก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    22 พ.ค. 2566 18.13 น.
  • 54 ปี กฟผ. เดินหน้าผลิตไฟฟ้าสีเขียว รุกขยายโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อน
    01 พ.ค. 2566 09.50 น.
  • แม่ฮ่องสอน..สู่เมืองท่องเที่ยวสีเขียว ชู "โซลาร์ฟาร์มสมาร์ทกริด" พร้อมจ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ววันนี้
    25 พ.ค. 2566 17.14 น.
  • ‘ผลิต-ไฟฟ้าลาว’ มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตเด่น รับดีมานด์ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเพิ่ม
    03 พ.ค. 2566 13.56 น.