นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของ ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 7,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,810 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากทั้งรายได้ขายและ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น โดยมีรายได้ขายและบริการสำหรับ ครึ่งปีแรก 237,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

 

 

 

โดย ปัจจัยหลักมาจากกล่มธุรกิจน้ำมัน ที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ทำให้ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายรวมลดลงเล็กน้อยเพียง 5% โดยหลักมาจากตลาดพาณิชย์ส่วนใหญ่ในน้ำมันอากาศยานที่ปริมาณขายยังไม่กลับมาเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19

 

นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ Non-Oil รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ตามการขยายสาขาของร้าน Café Amazon ที่เพิ่มขึ้น สำหรับ EBITDA ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 จำนวน 11,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,126 ล้านบาท (76%) ยังคงความแข็งแกร่ง ทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมัน และ Non-Oil ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจน้ำมันและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

 

 

 

โดยในส่วนของ Non-Oil เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ภาครัฐใช้มาตรการผ่อนคลายมากกว่าเมื่อเทียบกับรอบแรกในปี 2563 ที่มีมาตรการในการควบคุมอย่างเข้มงวด มีการ Lockdown ทั่วประเทศไทย ตรงข้ามกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ระลอกใหม่ในต่างประเทศ ที่รุนแรงมากกว่าการระบาดรอบแรกในช่วงเดียวกันของปีก่อนส่งผลกดดันต่อกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ที่ผลการดำเนินงานลดลง

สำหรับฐานะทางการเงิน ณ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 199,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54,578 ล้านบาท (+37.6%) จากสิ้นปี 2563 โดยหลักมาจากเงินสดสุทธิที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 53,497 ล้านบาท บริษัทฯ มีหนี้สินรวมจำนวน 101,599 ล้านบาท ลดลง 5,464 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการจ่ายคืนเงินกู้ สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 97,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60,042 ล้านบาท จากการเพิ่มทุนของบริษัทฯ จากการ IPO ดังกล่าวข้างต้น และกำไรสุทธิในงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 จำนวน 7,228 ล้านบาท

 

นางสาวจิราพร กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โออาร์ มีความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่นการต่อสัญญาหลักความร่วมมือกับ CPALL ในการดำเนินการร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในประเทศไทยที่ออกไปอีก 10 ปี (ปัจจุบันมีอยู่ 1,700 สาขา ตั้งเป้าหมายขยาย 100 สาขา/ปี ไม่จำกัดเฉพาะในพื้นที่ปั๊มพ์น้ำมัน ขึ้นกับทำเลที่ตั้ง)

 

อีกทั้งยังมีความคืบหน้าในการเปิดจุดรับส่งพัสดุ (drop off point) ของ Flash Express จำนวน 10 จุดที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน และนำร่องจำหน่ายเมนู Grab & Go จาก “โอ้กะจู๋” ที่ร้าน คาเฟ่ อเมซอน ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น วิภาวดี (ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้า)

 

ส่วนร้าน Jiffy ปัจจุบันมี 150 สาขา ยังทำส่วนต่างกำไรได้ดี โดย OR มีแผนมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเติมความแตกต่างให้ Jiffy ไม่เป็นเพียงร้านสะดวซื้อ

 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2564 นี้ ยังมีความท้าทายอย่างมากที่ต้องฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรงมากขึ้น โดย โออาร์ จะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวกับการรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยน แปลงไปจากวิกฤตโควิด-19 โดยเน้นการเพิ่มช่องทางออนไลน์ไปยังออฟไลน์ (O2O) มากขึ้น รวมถึงยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฟ้นหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ โออาร์ ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน ตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกัน สร้างชุมชนที่น่าอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

 

ทั้งนี้ OR ยังคงแผนการลงทุน 5 ปี ไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท (2021-2025) โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนที่ตอบโจทย์แนวโน้มผู้บริโภคยุคใหม่ ล่าสุด มีแผนร่วมลงทุน M&A และ J.V.อยู่ใน pipeline มีทั้งกรณีที่เจรจาจบแล้วรอทำ Deal Delogent และทั้งกรณีที่กำลังทำการเจรจาตกลงเงื่อยไขกันอยู่ มีทั้งธุรกิจ F&B, Non Food และ Digital ซึ่ง OR มีแผนลงทุนใน ธุรกิจ Cash Based Digital ด้วย

 

นอกจากนั้น OR ยังมีโครงการ OR Space เพื่อนำพื้นที่ทำเลที่ตั้งที่ไม่เหมาะทำสถานีบริการน้ำมันมาจัดทำเป็นพื้นที่ค้าปลีก คล้าย Comunity Retail Mall เล็กๆ โดยใช้สินค้า 3-4 รายการเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเร็วเป็นภาระต่อการลงทุนต่ำ ขณะนี้กำลังจัดทำต้นแบบ คาดว่าน่าจะได้เห็นปลายปีนี้

 

ทั้งนี้ โออาร์ ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเฟ้นหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต และสอดคล้องกับกลยุทธ์ของโออาร์ ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน ตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ ซึ่งล่าสุดยังมีดีลเจรจาพันธมิตรธุรกิจรายใหม่อีกหลายราย