“กกพ.” ตรึงเอฟทีตลอดปี 64 ลดค่าครองชีพให้ประชาชน

09 กรกฎาคม 2564 10.57 น.
อ่าน 1,793 ครั้ง
“กกพ.” ตรึงเอฟทีตลอดปี 64
กกพ. ลงมติ ตรึงค่าเอฟทีประจำงวด ก.ย. - ธ.ค. 64 ที่ -15.32 สตางค์
หนุนรัฐบาล ลดค่าครองชีพประชาชนไม่ให้ถูกซ้ำเติมจากเชื้อเพลิงขาขึ้น
 
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามแนวทางการพิจารณาที่จะเกลี่ยค่าเอฟทีให้คงที่ตลอดปี 2564 นี้
 
“ภาวการณ์ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์การเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่ยังคงรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง การตรึงค่าเอฟทีจึงเป็นการประคับประคองเศรษฐกิจ และไม่เป็นการซ้ำเติมผู้ใช้ไฟฟ้าจากค่าเอฟทีที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายปี” นายคมกฤช กล่าว
 
กกพ.พิจารณาแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 66.3 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และแนวโน้มการอ่อนตัวของค่าเงินบาทมาอยู่ในระดับ 31.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐในเดือนพฤษภาคม 2564

ซึ่งมีผลโดยตรงต่อค่าเอฟทีในช่วงปลายปี หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะราคาพลังงานขาขึ้น ทำให้ค่าเอฟทีใน
ปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นการบริหารค่าเอฟทีในปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางเพื่อสร้างให้ค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ มีความมั่นคง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ในการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน
 
สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟทีในรอบเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2564 ประกอบด้วย

1. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2564 เท่ากับประมาณ 64,510 ล้านหน่วย ปรับตัวลดลงจากประมาณการงวดก่อนหน้า (เดือน พ.ค. – ส.ค. 2564) ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 67,885 ล้านหน่วย หรือลดลงร้อยละ 4.97
 
2. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2564 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 53.90 ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ลาวและมาเลเซีย) รวมร้อยละ 20.13 และค่าเชื้อเพลิงลิกไนต์ของ กฟผ. ร้อยละ 9.45 ถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน ร้อยละ 7.43 และอื่นๆ อีก ร้อยละ 6.90
 
3. ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ใช้ในการคำนวณค่าเอฟทีเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2564 เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการในเดือน พ.ค. – ส.ค. 2564 โดยราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าและราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณในรอบเดือน พ.ค. – ส.ค. 2564 โดยที่เชื้อเพลิงอื่นๆ ปรับตัวลดลงและคงที่ ดังที่แสดงในตาราง

 

ประเภทเชื้อเพลิง

หน่วย

พ.ค. – ส.ค. 64

(ประมาณการ)

[1]

ก.ย. – ธ.ค. 64

(ประมาณการ)

[2]

เปลี่ยนแปลง

[2]-[1]

- ราคาก๊าซธรรมชาติ ทุกแหล่ง*

บาท/ล้านบีทียู

249.63

270.80

+21.17

- ราคาน้ำมันเตา

บาท/ลิตร

16.04

16.04

0.00

- ราคาน้ำมันดีเซล

บาท/ลิตร

20.72

20.14

-0.58

- ราคาลิกไนต์ (กฟผ.)

บาท/ตัน

693.00

693.00

0.00

- ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ย (IPPs)

บาท/ตัน

2,245.82

2,386.00

+140.18

หมายเหตุ: *ราคาก๊าซฯ รวมค่าผ่านท่อและค่าดำเนินการของโรงไฟฟ้า กฟผ. และโรงไฟฟ้าเอกชน

 
4. อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2564) เท่ากับ 31.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐอ่อนค่าจากประมาณการในงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ที่ประมาณการไว้ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
 
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบและอัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าที่ประมาณการไว้ กกพ. จะยังคงสามารถใช้เงินบริหารที่เก็บไว้จำนวน 4,129 ล้านบาท ไปช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเอฟทีในช่วงปลายปี 2564 ได้
 
ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 9 – 19 กรกฎาคม 2564 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
 
 
- Advertisement -
- Advertisement -

RELATED

- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -

Lasted

  • "OR ผนึก พาณิชย์" รับซื้อมังคุดใต้ช่วยเหลือเกษตรกร สร้างรายได้สู่ชุมชนผ่าน พีทีที สเตชั่น
    04 ก.ค. 2568 20.10 น.
  • กรมธุรกิจพลังงาน เปิดตัวโครงการ “ติดปีกธุรกิจพลังงานไทย” ทั่วประเทศ มุ่งสู่ยุค e-Service และ Energy Transition
    04 ก.ค. 2568 19.39 น.
  • สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงเยี่ยมโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก เฝ้าทูลละอองพระบาท กราบบังคมทูลรายงานการร่วมพัฒนาพื้นที่
    04 ก.ค. 2568 18.13 น.
  • "เชลล์ ผนึก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน" ยกระดับทักษะเสริมประสิทธิภาพช่างบริการศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ทั่วไทย
    02 ก.ค. 2568 17.04 น.
  • GPSC คว้า 5 รางวัล Asian Excellence Award 9 ปีซ้อน
    02 ก.ค. 2568 13.30 น.

Most Viewed

  • "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" คว้าสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี
    20 มิ.ย. 2566 21.47 น.
  • 54 ปี กฟผ. เดินหน้าผลิตไฟฟ้าสีเขียว รุกขยายโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อน
    01 พ.ค. 2566 09.50 น.
  • ‘ผลิต-ไฟฟ้าลาว’ มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตเด่น รับดีมานด์ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเพิ่ม
    03 พ.ค. 2566 13.56 น.
  • แม่ฮ่องสอน..สู่เมืองท่องเที่ยวสีเขียว ชู "โซลาร์ฟาร์มสมาร์ทกริด" พร้อมจ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ววันนี้
    25 พ.ค. 2566 17.14 น.
  • 3 การไฟฟ้าจัดใหญ่ ครั้งแรกของโชว์สุดยอดนวัตกรรม ตอบโจทย์ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า
    12 มิ.ย. 2566 17.47 น.