ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ให้แนวคิดว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศถือเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปัญหาสภาพอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ ดังนั้น เราทุกคนจึงต้องช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มปรับที่ตัวเราเองก่อน ในฐานะที่ทุกคนเป็นผู้บริโภค สามารถเลือกสินค้าหรือบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ เช่น การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 การเดินทางโดยใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และช่วยกันปลูกต้นไม้ให้เพิ่มขึ้น รวมถึงสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านอยู่อาศัยให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะประหยัดค่าไฟแล้ว ยังสามารถช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย

 

 

ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ให้ทัศนะว่า ปัญหาสภาพอากาศล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ถือเป็นประเด็นที่สำคัญที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

 

 

 

 

ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน รวมถึงกลุ่มสตาร์ทอัพ โดยแต่ละองค์กรต้องสร้างสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน โดยปรับเปลี่ยนแผน ให้เชื่อมโยงกับแผนการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน นอกจากนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ รวมถึง กฟผ. พัฒนานวัตกรรมการคาดการณ์คุณภาพอากาศผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Sensor For ALL ให้บริการข้อมูลสถานการณ์และคาดการณ์คุณภาพอากาศ เพื่อให้หน่วยงานและประชาชนสามารถวางแผนในการดูแลสภาพอากาศให้ดีขึ้นร่วมกัน

 

 

 

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร เล่าถึงแนวคิดในการดูแลสิ่งแวดล้อมว่า กฟผ. ได้ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมาโดยตลอด โดยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่การดำเนินภารกิจหลักในการผลิตและส่งไฟฟ้า เช่น การดูแลควบคุมคุณภาพอากาศในทุกกระบวนการทำงาน และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนการดำเนินงาน การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า

 

 

 

การปลูกป่ากว่า 4.7 แสนไร่ โครงการเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 การพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศในการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนนำนวัตกรรมไฮบริด (Hybrid) มาผสมผสานการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสองประเภทเพื่อลดข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี

 

 

 

รวมถึงโครงการห้องเรียนสีเขียว เป็นต้น โดยอาศัยกลยุทธ์ EGAT Air TIME ขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและอากาศบริสุทธิ์ให้กับโลกของเรา ประกอบด้วย การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน การพัฒนานวัตกรรมเพื่อดูแล ลดปัญหา และจัดการคุณภาพอากาศ การตรวจวัดและแสดงผลคุณภาพอากาศให้ประชาชนตระหนักและปรับพฤติกรรม และการสื่อสารความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม

 

 

 

คุณพิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร หรือ ท็อป ให้มุมมองว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาโลกใบนี้ ทั้งเพื่อตนเองและลูกหลานรุ่นต่อไป ซึ่งในภาคประชาชนสามารถเริ่มได้ง่ายๆ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยพกกระบอกน้ำ พกปิ่นโต ใช้ถุงผ้า เพื่อลดการใช้พลาสติก หรือในภาคเอกชนที่ต้องมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และภาครัฐออกกฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน หรือแม้กระทั้งภาคการศึกษา สามารถนำองค์ความรู้หรือแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมไปสอดแทรกในการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทัศนคติในการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเยาวชนได้อีกทาง

 

 

สำหรับการจัดงานสิ่งแวดล้อม กฟผ. ในปีนี้ ได้ปรับรูปแบบงานแบบ New Normal โดยจัดนิทรรศการออนไลน์ (E- Exhibition) ผ่านทางเว็บไซต์ https://env64.egat.co.th/ เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานผ่านโลกออนไลน์ โดยรวบรวมความรู้และความสนุกมาไว้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การดูแลคุณภาพอากาศ การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของ กฟผ. โครงการสิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชน โครงการรักษ์โลก และโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลกของเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี โดยผู้ร่วมเล่นเกมในนิทรรศการและผู้ตอบแบบสอบถามบนเว็บไซต์ ระหว่างวันที่ 2 – 30 มิถุนายน 2564 จะมีสิทธิ์ลุ้นรับของที่ระลึกจาก กฟผ.