บ้านปู เพาเวอร์ลงทุนโรงไฟฟ้า IGCC ในญี่ปุ่น
ชูเทคโนโลยีล้ำสมัย ตอกย้ำการขยายพอร์ตพลังงานที่สมดุลและยั่งยืน
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) ณ
จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 543 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีผสมผสานในการแปลงสถานะถ่านหินให้กลายเป็นก๊าซเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า (Integrated Gasification Combined Cycle: IGCC) ทั้งนี้ พิธีการลงนามสัญญาโอนหุ้นและสัญญาร่วมทุนในบริษัท Nakoso IGCC Management Co., Ltd. ระหว่างบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น เพาเวอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้จัดขึ้นทางออนไลน์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยบ้านปู เพาเวอร์ได้ลงทุนผ่านบริษัท Nakoso IGCC Management Co., Ltd (NIMCO) ในสัดส่วนร้อยละ 33.5 ส่งผลให้บ้านปู เพาเวอร์มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ร้อยละ 13.4 ในโรงไฟฟ้า Nakoso IGCC และมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 73 เมกะวัตต์
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเข้าซื้อโรงไฟฟ้า Nakoso IGCC นับเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่ความสำเร็จของการขยายพอร์ตพลังงานไฟฟ้าอย่างสมดุล เราได้บริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมาอย่างยาวนานเป็นผู้ร่วมทุน ที่สำคัญ การลงทุนครั้งนี้นับว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว รวมถึงมีสัญญาจัดหาเชื้อเพลิงระยะยาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังได้นำจุดแข็งของแต่ละพันธมิตรมาใช้ในการบริหารโครงการตามโครงสร้างเพื่อกำหนดบทบาทและหน้าที่อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังสอดรับกับยุทธศาสตร์ของบ้านปู เพาเวอร์ที่มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในโครงการที่ใกล้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Brownfield) ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที เน้นการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) ในตลาดที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าให้เติบโตตามเป้าหมายอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง”
โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC ถือเป็นโรงไฟฟ้า IGCC แห่งแรกที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นโรงไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Scale) ที่ใหญ่ที่สุด ณ ปัจจุบัน ภายใต้การร่วมทุนของ 5 บริษัท (Joint Venture Partners) โดยมีบริษัท มิตซูบิชิ
คอร์ปอเรชั่น เพาเวอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้พัฒนาหลัก โดยใช้เทคโนโลยี IGCC ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า HELE เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการแปลงสถานะถ่านหินให้เป็นก๊าซ (Gasification) กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกังหันก๊าซ (Gas Fired Combined Cycle Plant) เข้าด้วยกัน ทำให้โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนตันของถ่านหินที่ใช้เท่ากัน ตลอดจนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นโรงไฟฟ้าที่ผ่านการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนามานานว่า 30 ปี นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งของประเทศญี่ปุ่นตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาว และมีสัญญาการจัดหาเชื้อเพลิงระยะยาวเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าดังกล่าวภายในเดือนเมษายน 2564 และจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/2564
“บ้านปู เพาเวอร์ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปในประเทศที่กลุ่มบ้านปูดำเนินธุรกิจอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา และในประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพ” นายกิรณ กล่าวปิดท้าย