พิธีเปิด โรงงานต้นแบบก๊าซไบโอมีเทนทดแทนก๊าซหุงต้ม ชุมชนใช้ฟรี ตลอดเดือนเมษายน 2564 นี้
ดอยคำจับมือ สนพ. ดันเต่างอยโมเดล ดัน CBG สร้างสุข พลังงานทดแทน เพื่อชุมชน
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564
คุณกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิด โรงงานต้นแบบก๊าซไบโอมีเทนเพื่อชุมชน โดยมี คุณพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ให้การต้อนรับและแนะนำ โรงงานหลวงฯ ที่ 3 เต่างอย จังหวัดสกลนคร ต่อจากนั้นนำเยี่ยมชมโรงงานต้นแบบ และการใช้ประโยชน์ จากก๊าซไบโอมีเทน ในชุมชนต้นแบบ บ้าน นางอย-บ้านโพนปลาโหล ดำเนินโครงการโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด หนึ่งในโครงการตามพระราชดำริ ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 บริษัทต้นแบบธุรกิจเพื่อสังคม ดำเนินงานตามศาสตร์พระราชา ที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องของขยะและของเสียต่างๆ จึงได้มีแผนการดำเนินงานพัฒนาสังคมและชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป ทั้ง 4 แห่ง โดยโครงการส่งเสริมและสาธิตการใช้ประโยชน์จากก๊าซไบโอมีเทนด้วยระบบท่อส่งก๊าซเพื่อทดแทนก๊าซหุงต้มในชุมชนต้นแบบ เป็นหนึ่งในการดำเนินงานของบริษัทฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ด้วยการนำน้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตภายในโรงงานหลวงฯ ที่ 3 (เต่างอย) จ.สกลนคร มาผลิตเป็นก๊าซไบโอมีเทน
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาออกแบบสร้างระบบส่งก๊าซไบโอมีเทน ด้วยระบบท่อส่งก๊าซ เพื่อให้มีความปลอดภัยในด้านวิศวกรรมและสาธิตการใช้ประโยชน์ในชุมชน นอกจากเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเทคโนโลยีของระบบท่อส่งก๊าซและใช้ประโยชน์จากก๊าซไบโอมีเทนแล้วยังเป็นพลังงานทดแทนก๊าซหุงต้มในชุมชนต้นแบบอื่นๆ ของประเทศต่อไปด้วย จึงเกิดเป็นสถานีผลิตและจ่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG ที่ โรงงานหลวงที่ 3 เต่างอย โดย บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ได้นำก๊าซชีวภาพซึ่งเกิดจากน้ำเสีย จากกระบวนการผลิต มาผ่านกระบวนการของระบบผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัด ด้วยเทคโนโลยีเมมเบรน (Membrane System) ซึ่งสามารถผลิตได้มากกว่า 260 กิโลกรัม ไบโอมีเทน/วัน เมื่อเดินระบบเป็นเวลา 10 ชม./วัน โดยมีราคาต้นทุนที่ 12 บาทต่อกิโลกรัม สามารถนำมาทดแทนก๊าซหุงต้มได้ถึงประมาณ 75,000 กิโลกรัม/ปี คิดเป็นมูลค่าถึง 1,668,000 บาท/ปี
.
คุณพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า “ดอยคำ ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องของขยะและของเสียต่างๆ จึงได้กำหนดแผนการดำเนินงานพัฒนาสังคมและชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงานหลวงฯ ทั้ง 4 แห่ง ซึ่งการมาร่วมมือกับ สนพ. ในครั้งนี้ นอกจากจะตอบโจทย์ในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือชุมชนในเรื่องของลดค่าใช้จ่ายภายในตัวเรือน อีกทั้งยังเสริมสร้างรายได้ให้วิสาหกิจชุมชนเพื่อให้สามารถมีกำลังดูแลชุมชนต่อไปได้ และยังเป็นการปูแนวทางพลังงานชุมชนเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน โดยเน้นให้ชาวบ้านพึ่งพาตนเองในการร่วมกันดำเนินการบริหารจัดการพลังงานทดแทน นำร่องต้นแบบให้มีการใช้งานในประเทศไทย”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “เนื่องจากสถาบันฯ ได้คิดค้นวิจัยในการดำเนินการผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ซึ่งเป็นก๊าซได้พัฒนานำก๊าซชีวภาพมาปรับปรุงคุณภาพ โดยการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) และความชื้นออกจากก๊าซชีวภาพ เพื่อให้ได้ก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าก๊าซ NGV (Natural Gas for Vehicles) สามารถนำไปใช้สำหรับยานยนต์ และนำไปบรรจุถังสำหรับใช้ในภาคครัวเรือนเพื่อทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งกำลังประสบปัญหาด้านราคา และมีแนวโน้มจะขาดแคลนในอนาคต
สำหรับสถานีผลิตและจ่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ที่ โรงงานหลวงฯ ที่ 3 (เต่างอย) จ.สกลนคร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เป็นการนำก๊าซชีวภาพซึ่งเกิดจากน้ำเสียจากกระบวนการผลิตแปรรูปมะเขือเทศ มาผ่านกระบวนการของระบบผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัดด้วยเทคโนโลยีเมมเบรน (Membrane System) สามารถผลิตได้ 262.81 kg Biomethane/day เมื่อเดินระบบเป็นเวลา 10 hr/day โดยมีราคาต้นทุน 12 บาทต่อกิโลกรัม สามารถมาทดแทนก๊าซหุงต้มได้ถึงประมาณ 75,000 กิโลกรัม/ปี (ที่การเดินระบบเป็นเวลา 10 hr/day) คิดเป็นมูลค่าถึง 1,668,000 บาท/ปี (คิดที่ราคา LPG 22.24 บาทต่อกิโลกรัม, ม.ค. 64) และจากการทดสอบก๊าซ CBG พบว่ามีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับก๊าซ LPG สามารถใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งปัจจุบันได้แจกจ่ายให้กับชุมชนบ้านนางอยและบ้านโพนปลาโหล ใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) จำนวน 280 ครัวเรือน”
จากผลการดำเนินการดังกล่าว ชาวบ้านจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์จากก๊าซไบโอมีเทนอัด จึงร่วมกันดำเนินการสานต่อโครงการฯ ดังกล่าว โดยวิสาหกิจชุมชนได้จัดตั้งคณะกรรมการมาบริหารจัดการสถานีผลิตและจ่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด