สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดพิธีปิดหลักสูตร “ผู้นำด้านการบริหารจัดการน้ำ (Water Leadership Program: WLP) รุ่นที่ 10” จำนวนผู้เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 36 คน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาผู้นำด้านน้ำรุ่นใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนอนาคตการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทย ผ่านพลังความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน
ดร.ชนะ ภูมี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน กล่าวว่า ความท้าทายด้านน้ำของประเทศไทยทวีความซับซ้อนมากขึ้น จากทั้งภาวะโลกร้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความเสี่ยงน้ำท่วม–ภัยแล้งที่รุนแรงขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งชุมชนและภาคอุตสาหกรรม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศต้องมี “ผู้นำด้านน้ำ” ที่มีองค์ความรู้รอบด้าน สามารถคิดเป็นระบบ และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสถาบันน้ำฯ มุ่งส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับภาคอุตสาหกรรมควบคู่กับการผลักดันความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับพื้นที่และระดับนโยบาย นำไปสู่การยกระดับศักยภาพการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้ก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
การเรียนรู้ตลอดหลักสูตรเน้นหนัก 3 เสาหลักสำคัญ เพื่อยกระดับผู้นำด้านน้ำของประเทศ ได้แก่
1. ความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา การติดตามสถานการณ์น้ำ และการประเมินความเสี่ยง
• ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับฝน น้ำท่า ภูมิอากาศ และเครื่องมือติดตาม–คาดการณ์ เพื่อใช้วางแผนและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างแม่นยำ
2. กฎหมายด้านน้ำ และบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
• ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ 2561 กฎระเบียบสำคัญของหน่วยงานด้านน้ำ เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุตุนิยมวิทยา การนิคมอุตสาหกรรมฯ และหน่วยงานกำกับอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้นำเข้าใจภาพรวมของระบบบริหารจัดการน้ำของประเทศอย่างครบถ้วน
3. เทคโนโลยีด้านน้ำ น้ำทิ้ง น้ำรีไซเคิล และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง
• ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น ระบบผลิตน้ำประปาอุตสาหกรรม ระบบบำบัดน้ำเสีย เทคโนโลยีรีไซเคิลน้ำ การนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ (Wastewater Reuse) ตลอดจนเทคโนโลยีการนำน้ำทะเลมาผลิตน้ำจืด (Seawater Desalination) ซึ่งเป็นอีกเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางน้ำให้แก่พื้นที่ขาดแคลนหรือประสบภัยแล้ง
นอกจากนี้ ผู้เข้าอบรมยังได้จัดทำ แนวทางการจัดการน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญระดับประเทศ สะท้อนความสามารถในการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ และการนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้จริงได้อย่างเป็นรูปธรรม
อีกหนึ่งความสำเร็จของ WLP รุ่นที่ 10 คือการเสริมสร้างเครือข่าย Water Leadership Network ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การติดตามสถานการณ์น้ำ และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำของประเทศในระยะยาว
ส.อ.ท. เชื่อมั่นว่าผู้นำจาก WLP รุ่นที่ 10 จะนำความรู้และประสบการณ์ไปยกระดับระบบน้ำในองค์กรและพื้นที่ของตน ตลอดจนร่วมกันสร้างอนาคตของระบบน้ำไทยให้มีประสิทธิภาพ มั่นคง และยั่งยืนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สถาบันน้ำฯ เตรียมเปิดรับสมัคร WLP รุ่นที่ 11 ในปี 2569 โดยผู้สนใจสามารถติดตามกำหนดการและรายละเอียดได้ทางช่องทางการสื่อสารของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันน้ำฯ เพื่อยกระดับศักยภาพและร่วมขับเคลื่อนความมั่นคงน้ำของประเทศอย่างยั่งยืน