รมว.พลังงาน เป็นประธานเปิดงานประชุมและนิทรรศการด้านพลังงานระดับโลก 'IEEE PES GTD Asia 2025' ชี้เป็นโอกาสสำคัญของไทยในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยขับเคลื่อนนโยบายพลังงานประเทศและดึงการลงทุนจากต่างชาติ ยํ้า 3 แกนหลัก การผลิตไฟฟ้า การส่งและจำหน่ายไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียน ขับเคลื่อนพลังงานของภูมิภาค พร้อมต้อนรับผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงาน IEEE PES GTD Asia 2025 ซึ่งจัดโดยสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ระหว่างวันที่ 26–29 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร โดยมีศาสตราจารย์ ดร.วีรกร อ่องสกุล ประธานการจัดงานประชุมและนิทรรศการนานาชาติฯ ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช นายกสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) และผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมในพิธี
การจัดงานครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ของภูมิภาคเอเชีย และครั้งที่ 2 ของไทย ภายใต้หัวข้อ “Accelerating The Energy Transition toward Carbon Neutrality – A Sustainable Energy Future for All” “การเปลี่ยนแปลงพลังงานสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่ออนาคตพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน และบริษัทชั้นนำกว่า 400 แห่งจากทั่วโลก ร่วมนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของการจัดงานในบริบทของนโยบายพลังงานไทยว่า นโยบายด้านพลังงานของประเทศให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ซึ่งภาคพลังงานมีบทบาทสำคัญทั้งการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า และการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน งาน IEEE PES GTD Asia 2025 นี้จึงเป็นเวทีที่ช่วยต่อยอดองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
"นี่เป็นโอกาสสำคัญที่สุดของไทยในการแสดงบทบาทผู้นำด้านพลังงานของภูมิภาคอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและดึงดูดการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน" นายอรรถพล เน้นยํ้า
ศาสตราจารย์ ดร.วีรกร อ่องสกุล ประธานการจัดงานประชุมและนิทรรศการนานาชาติฯ เผยว่า งานนี้เป็นการต่อยอดและสืบทอดความยิ่งใหญ่ที่มีประวัติการจัดมายาวนานในทวีปอเมริกา การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้เปิดโอกาสสำคัญให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึกและนวัตกรรมด้านพลังงานในระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง ท่ามกลางความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จึงเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้นำในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงาน ทั้งผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัยจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และแสวงหาแนวทางในการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
เนื้อหาหลักของงานครอบคลุม 3 เสาหลักที่เชื่อมโยงถึงกันของระบบพลังงานแห่งอนาคต ได้แก่ 1) การผลิตไฟฟ้า ซึ่งเน้นเทคโนโลยีสะอาดและยืดหยุ่น 2) การส่งและจำหน่าย ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงระบบให้เป็น Smart Grid และการจัดการการไหลของไฟฟ้าสองทิศทาง และ 3) การบูรณาการพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน
ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช นายกสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) และผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยโดย กฟผ. ได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงานในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจของประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานที่สะอาดและยั่งยืน โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งตลอดการจัดงานผู้เชี่ยวชาญจะร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่กำลังเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม เช่น ศักยภาพของไฮโดรเจนในระบบไฟฟ้า การพัฒนา Grid Modernization ขั้นสูง การนำเทคโนโลยี SMR มาใช้ในเอเชีย และบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของระบบกริด ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของภูมิภาค
ในฐานะองค์กรพลังงานหลักของประเทศ กฟผ. ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของไทยผ่านนวัตกรรม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการผสานเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและพลังงานอัจฉริยะเข้าด้วยกัน เพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป โดยมีกรอบวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับหลัก ESG ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างโปร่งใส โดยความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญและผู้เข้าร่วมจากนานาประเทศในครั้งนี้ จะช่วยกำหนดทิศทางระบบไฟฟ้าในยุคใหม่ ทั้งในมิติของการผสานพลังงานหมุนเวียน การยกระดับโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการเร่งเดินหน้าเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บกล่าวถึงการสนับสนุนการจัดงานว่า ทีเส็บให้การสนับสนุนการจัดงาน โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของงานในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต งานนี้จะตอกย้ำภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการด้านพลังงานชั้นนำของอาเซียน ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีมหาศาลให้กับประเทศ

การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนของไทย โดยมีสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) เป็นเจ้าภาพ และการสนับสนุนจาก กฟผ. การไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) กลุ่ม ปตท. (PTT Group) รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ อาทิ บริษัท ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลังงาน พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและสมาคมวิชาชีพ เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) และ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (EIT)
ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ผู้เข้าร่วมงานจะได้อัปเดตเทรนด์และนวัตกรรมพลังงานผ่านกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ Energy Tomorrow Exhibition: นิทรรศการที่รวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยจากทั่วโลก อาทิ ระบบ Smart Grid เทคโนโลยีสวิตช์เกียร์ปลอดก๊าซเรือนกระจก และระบบควบคุมอัตโนมัติอัจฉริยะ Keynote Sessions: ปาฐกถาพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเกี่ยวกับนวัตกรรมและกลยุทธ์สำคัญที่จะกำหนดทิศทางพลังงานในอนาคต High-Profile Panel Sessions การอภิปรายกลุ่ม และ CEO Roundtable: เวทีเสวนาเข้มข้นระดับนโยบายและการลงทุน เช่น ไฮโดรเจนในระบบไฟฟ้า กริดที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการพยากรณ์และการจัดการโหลด บทบาทของสตรีในวงการพลังงาน และการเส้นทางสู่ Net Zero นอกจากนี้ยังมี Super Sessions on Critical Topics: การอภิปรายเชิงลึกในประเด็นเร่งด่วน เช่น การปรับปรุงกริดให้ทันสมัยเพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยี SMR และระบบกักเก็บพลังงานสำหรับความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ ระหว่างวันที่ 26–29 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร