กพช. เดินหน้าโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล

27 ตุลาคม 2568 15.56 น.
อ่าน 1,522 ครั้ง
 

กพช. เดินหน้า Quick Big Win โซลาร์ฟาร์มชุมชน

หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล ขยายระบบส่งรองรับ Data Center

 

 

วันนี้ (27 ตุลาคม 2568) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานแทนนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมได้มีการพิจารณาวาระสำคัญด้านพลังงาน 7 เรื่องและมีมติเห็นชอบ ดังต่อไปนี้

 

 

เห็นชอบ กรอบหลักการเบื้องต้นของการดำเนิน “โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน” (Community-based Solar Power Generation Project) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงาน โดยมีเป้าหมายในการผลักดันและขับเคลื่อนโครงการไฟฟ้าชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระดับท้องถิ่น และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของประชาชนทั่วประเทศ

โดยรูปแบบโครงการจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ต่อแห่ง รวมกำลังการผลิตไม่เกิน 1,500 เมกะวัตต์ โดยการกำหนดขนาดและพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินโครงการจะพิจารณาจากศักยภาพระบบไฟฟ้า ความต้องการใช้ไฟของชุมชน และความพร้อมของที่ดินในพื้นที่

ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายจะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) อัตราไม่เกิน 2.25 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี สัญญาแบบ Non-Firm และเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้แก่ผู้ใช้ไฟในชุมชนเป้าหมาย การคัดเลือกเอกชนร่วมดำเนินโครงการจะพิจารณาจากความพร้อมทั้งด้านคุณสมบัติและเทคนิค เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถพัฒนาและดำเนินการได้ตามแผนจนตลอดอายุสัญญา

ทั้งนี้ สิทธิในหน่วย Renewable Energy Certificate (REC) หรือ Carbon Credit ที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าภายใต้โครงการนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของภาครัฐ และจะระบุไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ประชุมได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กฟภ. ร่วมกันกำหนดพื้นที่ชุมชนเป้าหมายที่เหมาะสม สำหรับดำเนินโครงการ ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

 

เห็นชอบ หลักการร่างสัญญา Energy Wheeling Agreement (EWA) สำหรับ โครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ระยะที่ 2 (LTMS-PIP Phase 2) โดยเห็นชอบ อัตราค่า Wheeling Charge ของไทย เท่ากับ 3.5879 US Cent /หน่วย ทั้งนี้ สามารถปรับเพิ่มอัตรา Wheeling Charge ได้ แต่ต้องไม่ก่อนวันที่ 22 มิถุนายน 2569 โดยไม่ต้องนำมาเสนอ กพช. อีกครั้ง เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

โดยที่ประชุมมอบหมายให้ กฟผ. นำเสนอสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) ตรวจพิจารณาร่าง EWA โครงการ LTMS-PIP ระยะที่ 2 และ มอบหมายให้ กฟผ. ลงนามในร่างสัญญา EWA โครงการ LTMS-PIP ระยะที่ 2 ที่ผ่านการตรวจพิจารณาจาก อส. แล้ว

 

 

นายอรรถพลฯ ได้เปิดเผยว่า โครงการ LTMS ถือเป็นหนึ่งในโครงการนำร่องที่สำคัญภายใต้ ASEAN Power Grid (APG) ซึ่งมีเป้าหมายในการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายและส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าข้ามประเทศ

ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานในภูมิภาค และรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอนาคต โดย LTMS-PIP ระยะที่ 1 ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการเชิงธุรกิจในการซื้อขายและส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาดจาก สปป.ลาว ไปยังสิงคโปร์ ที่ปริมาณไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ จากการดำเนินโครงการที่ผ่านมามีการส่งผ่านไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปยังสิงคโปร์แล้วทั้งสิ้นจำนวน 266.33 ล้านหน่วย โดยสิ้นสุดโครงการ LTMS-PIP ระยะที่ 1 แล้วเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567

เห็นชอบให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้ประกอบการ Data Center ตามนโยบายรัฐบาล โดยให้ใช้งบประมาณภายใต้โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (Transmission System Improvement Project in Eastern Region to Enhance System Security: TIPE) ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว เพื่อดำเนินการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าให้สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้ารวมประมาณ 1,750 เมกะวัตต์ ครอบคลุมการพัฒนาและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ กฟผ. จัดทำรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมใน ระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นแผนการดำเนินการที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติใหม่ วงเงินลงทุนรวมประมาณ 30,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคตะวันออกให้เพียงพอต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานหลักในพื้นที่ EEC และความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อเสนอขออนุมัติจาก ครม. ตามขั้นตอนต่อไป

ที่ประชุมได้ เห็นชอบแนวทางดำเนินการสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โดยเห็นชอบให้ดำเนินการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในอัตรารับซื้อ 2.1679 บาทต่อหน่วย เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับใช้เจรจาของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินที่ กฟผ. ได้ดำเนินการจัดทำโดยปรับให้สอดคล้องกับลักษณะโครงการและต้นทุนการดำเนินการของภาคเอกชน ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 มีอัตรา 2.1941 บาทต่อหน่วย สูงกว่าอัตราค่าไฟฟ้าในรูปแบบ FiT ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินที่มีอัตรา 2.1679 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินการเช่นเดียวกับกรณีโครงการพลังงานลมที่อัตราค่าไฟฟ้าโครงการพลังงานลมที่ กฟผ. ดำเนินการสูงกว่าอัตราค่าไฟฟ้า FiT โครงการพลังงานลมเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติให้ภาคเอกชนพิจารณาปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในภาพรวมและมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาปรับปรุงกรอบระยะเวลาการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และขยายกำหนดวันเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ซึ่งได้รับผลกระทบจากการชะลอการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละโครงการ โดยการขยาย SCOD ต้องไม่เกินปี 2573

 

 

นายอรรถพลฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุม เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงกำหนดวันเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) และแผนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561–2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์พลังงานและความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศในปัจจุบัน โดยนายอรรถพลฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เนื่องจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (ร่างแผน PDP2024) อยู่ระหว่างการจัดทำและยังไม่แล้วเสร็จ ที่ประชุมจึงเห็นควรให้ใช้แผน PDP2018 Rev.1 เป็นกรอบดำเนินงาน พร้อมปรับปรุงกำหนด SCOD และแผนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในช่วงปี 2568–2573 การปรับปรุงดังกล่าวให้เหมาะสมกับสถานการณ์

โดยเน้นรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ป้องกันกำลังผลิตเกินจำเป็น และลดภาระค่าไฟฟ้าของประชาชนในระยะยาว โดยครอบคลุมโรงไฟฟ้า ดังต่อไปนี้ (1) โรงไฟฟ้า กฟผ. ที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก ครม. (2) โรงไฟฟ้า กฟผ. ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. แล้วแต่ยังไม่ COD (3) โรงไฟฟ้าที่ยังไม่ระบุผู้พัฒนา (4) โรงไฟฟ้า IPP ที่มีสัญญาแล้วแต่ยังไม่ COD (5) การรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ และใช้ข้อมูลประกอบการจัดทำร่างแผน PDP ฉบับใหม่ต่อไป

ที่ประชุม ได้เห็นชอบ แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ 2569–2571 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในทุกภาคส่วน ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้กำหนดกรอบการใช้จ่ายรวม 15,000 ล้านบาท โดยเน้นสนับสนุนโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน การพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก การวิจัยนวัตกรรม การสาธิตนำร่องการพัฒนาบุคลากร และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ แบ่งเป็น ปีงบประมาณ 2569 จำนวน 9,000 ล้านบาท และปี 2570–2571 ปีละ 3,000 ล้านบาท ซึ่งในวงเงิน 9,000 ล้านบาทของปี 2569 นั้น ส่วนหนึ่งเป็นโครงการ Solar สูบน้ำ มีเป้าหมายในการกระจายระบบพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ในระบบชลประทานและประปาหมู่บ้านทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ กพช. ยังให้อำนาจคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการปรับปรุงรายละเอียดแนวทางและการจัดสรรงบประมาณได้ตามความจำเป็นและสถานการณ์ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนมีความยืดหยุ่น โปร่งใส และเกิดประสิทธิผลสูงสุดในการสนับสนุนการพัฒนาพลังงานของประเทศในระยะต่อไป

 

 

นายอรรถพลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ การทบทวนและปรับปรุงคณะกรรมการภายใต้ กพช. เพื่อให้การบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศมีความคล่องตัว บูรณาการ และสอดคล้องกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน โดยเห็นชอบให้ ยกเลิกคณะกรรมการภายใต้ กพช. รวม 3 คณะ ได้แก่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม (คำสั่ง กพช. ที่ 1/2568) คณะกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (คำสั่ง กพช. ที่ 2/2568) คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (คำสั่ง กพช. ที่ 3/2568)

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ จัดตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ชุดใหม่ และเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศขึ้นใหม่ โดยให้แต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการภายใต้ กบง. และมอบหมายให้ กบง. พิจารณาองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ เพื่อดำเนินการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศให้มีความเหมาะสมต่อไป

- Advertisement -
- Advertisement -

RELATED

- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -

Lasted

  • กพช. เดินหน้าโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล
    27 ต.ค. 2568 15.56 น.
  • กระทรวงพลังงาน เร่งเดินหน้าโครงการ Floating Solar ของ กฟผ.
    26 ต.ค. 2568 09.34 น.
  • สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
    25 ต.ค. 2568 07.20 น.
  • 'อรรถพล' ชี้ 'ไฮโดรเจน' คือโอกาสของประเทศในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero 2050
    24 ต.ค. 2568 20.29 น.
  • “อรรถพล” ทำงานเร็ว สั่งตรึงราคาน้ำมันทุกชนิด หลังราคาตลาดโลกพุ่ง เร่งบรรเทาผลกระทบประชาชน
    24 ต.ค. 2568 16.47 น.

Most Viewed

  • "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" คว้าสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี
    20 มิ.ย. 2566 21.47 น.
  • EGCO Group Fully Moves Forward, Allocating over 150-billion-baht budget within 5 years
    04 มี.ค. 2564 18.32 น.
  • 54 ปี กฟผ. เดินหน้าผลิตไฟฟ้าสีเขียว รุกขยายโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อน
    01 พ.ค. 2566 09.50 น.
  • ‘ผลิต-ไฟฟ้าลาว’ มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตเด่น รับดีมานด์ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเพิ่ม
    03 พ.ค. 2566 13.56 น.
  • แม่ฮ่องสอน..สู่เมืองท่องเที่ยวสีเขียว ชู "โซลาร์ฟาร์มสมาร์ทกริด" พร้อมจ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ววันนี้
    25 พ.ค. 2566 17.14 น.