ศูนย์ Water War Room ภาคตะวันออก ถือเป็นโมเดลความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มีภารกิจสำคัญในการติดตามสถานการณ์น้ำ คาดการณ์ความเสี่ยง รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการส่งน้ำผ่านเครือข่ายระบบส่งน้ำ เสนอแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมถึงผลักดันโครงการด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยง และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันเวลา

 

 

 

 

จุดเด่นของโมเดลนี้คือ การสื่อสารอย่างโปร่งใสและทันเวลา ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงสถานการณ์จริง ลดความคลาดเคลื่อนในการประเมินและเสริมสร้างความเชื่อมั่นร่วมกัน อีกทั้งยังมีระบบการประชุมและประสานงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และความต้องการใช้น้ำจริง

 

 

 

 

จากความสำเร็จในภาคตะวันออก สถาบันฯ เตรียมนำแนวทางนี้ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นที่เผชิญความท้าทายด้านน้ำ เช่น จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งกำลังขยายตัวด้านอุตสาหกรรมและมีความต้องการใช้น้ำสูงขึ้น โดยมุ่งเน้นการวางแผนเชิงรุก พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำให้เพียงพอ และรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการของชุมชนได้อย่างสมดุลและยั่งยืน

 

 

 

 

ดร.ชนะ ภูมี กล่าวถึงความสำคัญของการดำเนินงานว่า “ศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก ไม่เพียงเป็นกลไกติดตามสถานการณ์น้ำ แต่ยังเป็นเวทีความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข้อมูล ช่วยให้ทุกฝ่ายตัดสินใจได้แม่นยำ ลดผลกระทบ และเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำในระยะยาว”
การลงพื้นที่ครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เห็นกระบวนการทำงานจริง ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล การคาดการณ์และการวิเคราะห์แนวโน้ม ไปจนถึงการกำหนดมาตรการแก้ปัญหาด้านน้ำในพื้นที่ พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถต่อยอดเป็นต้นแบบให้กับภูมิภาคอื่นทั่วประเทศ

 

 

 

 

ส.อ.ท. เชื่อมั่นว่า การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัย “ข้อมูลจริง ความโปร่งใส และความร่วมมือ” และเมื่อภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมมือกัน มั่นใจว่าวิกฤตน้ำจะถูกพลิกให้เป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน