สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย แถลงข่าวความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดตั้งกลไก สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition Finance) เฟสแรกมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ณ ห้องประชุม 802 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับตัวให้พร้อมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความท้าทายเชิงระบบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน
ภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนหลักที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง จะได้รับการสนับสนุนใน 2 มิติหลัก ได้แก่
1. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ผ่านการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดของเสีย
2. การปรับตัวเพื่อรับมือ (Adaptation) เช่น การออกแบบระบบการผลิตและโลจิสติกส์ให้มีความยืดหยุ่นและทนทานต่อภัยพิบัติ การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการพัฒนาโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกต้นไม้และกิจกรรมคาร์บอนเครดิต
Transition Finance ภายใต้ความร่วมมือนี้จะไม่ใช่เพียงแค่แหล่งเงินทุนทั่วไป แต่ยังครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษา การประเมินความเหมาะสมของโครงการ ตลอดจนการเชื่อมโยงกับกลไกตลาดคาร์บอนเครดิตและมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความโปร่งใสและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้เงินทุน
นายประกอบ เพียรเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า “บทบาทของสถาบันการเงินในวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นเพียงผู้ให้สินเชื่อ แต่ต้องเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยธนาคารพาณิชย์ได้ร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังผู้ประกอบการที่มีศักยภาพผ่านช่องทางของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายวงเงินสินเชื่อในเฟสแรก รวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม เราเชื่อว่าการลงทุนในวันนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในอนาคตและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทยได้อย่างแท้จริง”
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า “ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวได้ง่ายขึ้น เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดและระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ นโยบาย 4 GO ของ ส.อ.ท. โดยเฉพาะ GO Green ที่มุ่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม นอกจากจะช่วยลดต้นทุนระยะยาว ยังเป็นการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ผมเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า “ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 350 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยภาคพลังงานและอุตสาหกรรมรวมกันมีสัดส่วนมากกว่า 75% แม้จะคิดเป็นเพียงไม่ถึง 1% ของการปล่อยทั่วโลก แต่หากเราสามารถเปลี่ยนความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศให้เป็นโอกาสในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน เรากำลังเผชิญแรงกดดันจากมาตรการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM ของสหภาพยุโรป ซึ่งกระทบการส่งออกสินค้ามูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี แม้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์จะทำให้บางอย่างล่าช้า แต่สุดท้ายมาตรการเหล่านี้จะถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะการเปลี่ยนผ่านต้องใช้เวลา ทั้งนี้ หลายประเทศได้พัฒนากลไกสนับสนุน Transition Finance ที่ตอบโจทย์บริบทของตน เช่น ญี่ปุ่นมีแนวทาง Basic Guidelines on Climate Transition Finance สำหรับอุตสาหกรรมที่ยังใช้พลังงานดั้งเดิมแต่มีแผนลดคาร์บอนในระยะยาว สหภาพยุโรปมี EU Green Taxonomy ควบคู่ Just Transition Mechanism และสิงคโปร์มี Green and Sustainability-Linked Loan Grant Scheme เพื่อเร่งการเข้าถึงสินเชื่อของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs
สำหรับประเทศไทย ความท้าทายสำคัญ คือ การขาดข้อมูลและการสนับสนุนทางเทคนิคที่เป็นระบบ ส่วนหนึ่งของภารกิจของสถาบันฯ คือ การสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ให้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง พัฒนาบัญชีคาร์บอน และปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และในวันนี้ เราได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมกับภาคการเงิน จัดหา Transition Finance และร่วมสนับสนุนการให้ข้อมูล บริการให้คำปรึกษา เพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม”
ความร่วมมือนี้นับเป็นต้นแบบของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคการเงินและภาคอุตสาหกรรม เพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่มีความมั่นคงและแข่งขันได้ในระดับสากล