กองทุนน้ำมันฯ พิสูจน์บทบาท “รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน”
สรุป “สงคราม 12 วัน” กับภารกิจดูแลค่าครองชีพประชาชน
(วันที่ 14 กรกฎาคม 2568) สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยถึงบทบาทสำคัญของ “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศในช่วงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13 -24 มิถุนายน 2568 หรือที่เรียกกันว่า “สงคราม 12 วัน” โดยช่วงเวลาดังกล่าว คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้เร่งดำเนินการตามแผนวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ลดการจัดเก็บเงินจนถึงชดเชยอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันดีเซล
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันดีเซล ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคขนส่งและค่าครองชีพของประชาชน กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้าไปบริหารจัดการผ่านกลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกในประเทศ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนมากจนเกินไป โดย กบน. ได้มีมติเร่งด่วน จำนวน 5 ครั้งภายในเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์เพื่อลดผลกระทบ โดยเริ่มจากลดอัตราเงินจัดเก็บของกลุ่มน้ำมันดีเซลจากเดิมจัดเก็บอยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร เป็นการต้องชดเชยอยู่ที่ 0.65 บาทต่อ เพื่อคงราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร ทำให้สามารถตรึงราคาหน้าปั๊มน้ำมันไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนในช่วงเวลาสำคัญ
แม้การรักษาเสถียรภาพ และตรึงราคาน้ำมันในช่วง 12 วันที่ผ่านมา จะส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯประเภทน้ำมันดีเซลติดลบ คือมีรายจ่ายสูงสุดประมาณวันละ 40.75 ล้านบาทต่อวัน แต่เมื่อสถานการณ์สงครามอิสราเอล-อิหร่าน เริ่มคลี่คลายจากการไกล่เกลี่ยของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกก็เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้กองทุนน้ำมันฯ กลับมาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้อีกครั้ง ปัจจุบันกลุ่มน้ำมันดีเซลมีรายรับประมาณวันละ 57.41 ล้านบาท และกลุ่มน้ำมันเบนซิน มีรายรับประมาณวันละ 96.17 ล้านบาท (รายละเอียดอยู่ในตาราง) ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ที่ 31,588 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 12,406 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 43,994 ล้านบาท
ชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิง |
อัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (บาท) |
รายรับต่อวัน (ล้านบาท) |
น้ำมันเบนซิน |
9.60 |
3.46 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 |
3.00 |
81.54 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 |
3.00 |
1.68 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล อี20 |
1.90 |
9.29 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล อี85 |
3.60 |
0.20 |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา |
0.90 |
56.28 |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา พรีเมี่ยม |
2.40 |
1.13 |
หมายเหตุ : อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2568
: ประมาณการปริมาณการใช้น้ำมัน 1-3 กรกฎาคม 2568
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน กับกรณีสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน จะพบความแตกต่างในเชิงผลกระทบ และความยืดเยื้ออย่างชัดเจน ซึ่งกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยเพิ่มวิธีการบริหาร และความรอบคอบในการกำหนดมาตรการบริหารกองทุนน้ำมันฯ ในปัจจุบัน และอนาคต
ย้อนรอย 2 เหตุการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์
|
สงครามอิสราเอล-อิหร่าน |
สงครามรัสเซีย-ยูเครน |
ระยะเวลา |
13-24 มิ.ย.2568 |
เดือนกุมภาพันธ์ 2565 - ปัจจุบัน |
ราคาน้ำมันตลาดโลกก่อนเกิดความไม่สงบ |
ดูไบ 68.59 เหรียญฯ /บาร์เรล เบนซิน 81.75 เหรียญฯ /บาร์เรล ดีเซล 84.64 เหรียญฯ/บาร์เรล |
ดูไบ 93.61 เหรียญฯ /บาร์เรล เบนซิน 112.64 เหรียญฯ /บาร์เรล ดีเซล 110.57 เหรียญฯ/บาร์เรล |
ราคาน้ำมันตลาดโลกสูงสุดช่วงความไม่สงบ |
ดูไบ 76.85 เหรียญฯ /บาร์เรล เบนซิน 89.81 เหรียญฯ /บาร์เรล ดีเซล 97.82 เหรียญฯ/บาร์เรล |
ดูไบ 118.95 เหรียญฯ /บาร์เรล เบนซิน 160.86 เหรียญฯ /บาร์เรล ดีเซล 177.05 เหรียญฯ/บาร์เรล |
อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยสูงสุด (ดีเซล) |
0.65 บาท/ลิตร |
14.01 บาท/ลิตร |
สภาพคล่องรายจ่ายน้ำมันดีเซลสูงสุดต่อวัน |
40.75 ล้านบาท/วัน |
689.70 ล้านบาท/วัน |
ฐานะกองทุนน้ำมันฯ |
ติดลบ 35,408 ล้านบาท แยกเป็นน้ำมัน +8,995 ล้านบาท LPG -44,403 ล้านบาท |
ติดลบ 132,671 ล้านบาท แยกเป็นน้ำมัน -88,788 ล้านบาท LPG -43,883 ล้านบาท |
ปัจจุบันกระทรวงพลังงานยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ในทะเลแดง และภูมิภาคอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน กระทรวงพลังงานโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาดูแล ได้แก่ คณะกรรมการเตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ (LNG) ซึ่งมี นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นประธาน และมีตน (นายพรชัย จิรกุลไพศาล) ร่วมเป็นกรรมการในชุดนี้ โดยคณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่เตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อรองรับสถานการณ์พลังงานจากวิกฤตในตะวันออกกลาง และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างรอบด้าน
นายพรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “บทเรียนจากวิกฤตน้ำมันช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงความจำเป็นของกลไกกองทุนน้ำมันฯ ที่มีความยืดหยุ่น ทันต่อสถานการณ์ และมุ่งมั่นดูแลประชาชนทุกระดับอย่างเท่าเทียม สะท้อนการทำหน้าที่และบทบาทของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาพลังงานให้กับประชาชนในช่วงวิกฤตการณ์ด้านราคาพลังงานเสมอมา ด้วยหลักการเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 พร้อมขอขอบคุณผู้ค้าน้ำมันที่ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนภารกิจสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว”