Banpu Transformation เร่งสปีดพอร์ตพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม
ผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลทั่วทั้งองค์กร
สู่ “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน”
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ (Banpu Transformation) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) มุ่งนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า จากความเชี่ยวชาญด้านพลังงานครบวงจรใน 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้คือ การปรับพอร์ตธุรกิจให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter และได้เพิ่มกลยุทธ์ Faster มาเร่งความเร็วในการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมในพอร์ตโฟลิโอ (Greener Portfolio) และการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานภายใต้ “บ้านปู เน็กซ์” พร้อมกับการขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการ Digital Transformation ด้วยหน่วยงานใหม่ “Digital Center of Excellence” (DCOE) ที่รังสรรค์เทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืนภายใต้จุดยืน “Smarter Energy for Sustainability” ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียได้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตลอดเวลาเกือบ 4 ทศวรรษของการดำเนินงาน หนึ่งในดีเอ็นเอที่แข็งแกร่งของบ้านปูคือ ความยืดหยุ่น (resilience) เราจึงรู้จักตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงทีเสมอ การเปลี่ยนผ่านของ Banpu Transformation ก็มีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มเข้มข้นมากขึ้นเมื่อ 4-5 ปี ที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยตอกย้ำโลกยุค Never Normal ว่า โลกของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและพร้อมเปลี่ยนองค์กรของเราให้ก้าวสู่เป้าหมายของความยั่งยืนทางธุรกิจ โดย Banpu Transformation ให้ความสำคัญกับ 2 เรื่องหลักคือ การเพิ่มสัดส่วนพอร์ตโฟลิโอพลังงานที่สะอาดและฉลาดให้มากขึ้น ผ่านบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด และอีกหนึ่งมิติ คือ การปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation ซึ่งเราได้ทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 3 ปีผ่านหน่วยงาน DCOE ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้บ้านปูพร้อมแข่งขันในฐานะผู้นำธุรกิจด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) ด้วยความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ (supply chain) ของการส่งมอบอนาคตพลังงานที่ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
บ้านปูมี “บ้านปู เน็กซ์” เป็นเรือธงในการสร้างและขับเคลื่อนพอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน และพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานเพื่อตอบเทรนด์พลังงานยุคใหม่ 3Ds ได้แก่ การกระจายตัวของแหล่งผลิตและจำหน่ายพลังงาน (Decentralization) การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลบริหารจัดการระบบพลังงาน (Digitalization)
ปัจจุบัน กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของบ้านปู เน็กซ์ มีอยู่ทั้งหมด 694 เมกะวัตต์ และนับเป็นสัดส่วนร้อยละ 22.4 ของกำลังการผลิตพลังงานรวมของบ้านปูทั้งหมดที่ 3,097 เมกะวัตต์ และยังคงเดินหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ที่จะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานสะอาด ให้ถึง 1,600 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตพลังงานรวม 6,100 เมกะวัตต์ ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บ้านปูยังมีพอร์ตก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานที่เชื่อมโยงไปสู่พลังงานที่สะอาดขึ้น (Bridging Energy) ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ ในรอบปีที่ผ่านมา บ้านปู เน็กซ์ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการสร้างความแตกต่างในการเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานสะอาดที่ฉลาดขึ้นอย่างครบวงจร ด้วย
‘5 โซลูชันพลังงานฉลาด’ (Smart Energy Solutions) ประกอบด้วย ฉลาดวิเคราะห์ พัฒนาโปรแกรมที่สามารถติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรม รูปแบบ และช่วงเวลาการใช้พลังงานสำหรับกลุ่มโรงงาน
ฉลาดผลิต พัฒนา Smart Energy Application (BANPU Application) ให้แก่ลูกค้าที่ติดตั้ง Solar rooftop เพื่อใช้งาน เป็นบริการหลังการขาย โดยจะมีฟีเจอร์ใหม่ ที่สามารถตรวจสอบการใช้ไฟได้แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงโครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือโซลาร์ลอยน้ำ
ฉลาดเก็บ ‘บ้านปู เน็กซ์ อีพรอมต์มูฟ’ (บ้านปู เน็กซ์ e-PromptMove) ซึ่งเป็นต้นแบบชุดผลิตและกักเก็บไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบรถเทรลเลอร์รายแรกของไทย ฉลาดใช้ บริการยานยนต์ไฟฟ้า อย่าง Muvmi และ “บ้านปู เน็กซ์ อีวี คาร์แชริ่ง” ที่เติมเต็มการเดินทางให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยบริการรับ-คืนรถแบบไร้สัมผัส เป็นต้น และฉลาดหมุนเวียน ลงทุนใน Gepp Sa-ard ผู้ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการขยะ
สำหรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลของบ้านปู (Digital Transformation) บริษัทฯ ได้จัดตั้ง Digital Center of Excellence (DCOE) ในปี 2561 เพื่อเป็นหน่วยงานเรือธงในการนำบ้านปูสู่การปรับเปลี่ยนวิธีทำงานให้ตอบรับโลกยุคใหม่ ตั้งแต่การวางยุทธศาสตร์ ไปจนถึงการทำงานในทุกขั้นตอน ที่สามารถนำเทคโนโลยีและแนวคิดแบบดิจิทัลเข้าไปเสริมประสิทธิภาพได้ รวมไปถึงนำนวัตกรรมต่าง ๆ ไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งแบบ B2B, B2C และ B2G ได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการร่วมมือกับหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ (HR) และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ในการวางแผนและขยายผลกระบวนการในการพัฒนาทักษะให้พนักงาน ทั้งการสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็น (Reskill) และการยกระดับทักษะเดิมให้ดีขึ้น (Upskill)
ปัจจุบัน ความสำเร็จของขั้นตอน Digital Transformation เห็นเป็นรูปธรรมแล้วใน 4 ประเทศนำร่อง ได้แก่ ประเทศไทย ออสเตรเลีย จีน และอินโดนีเซีย ซึ่งในประเทศเหล่านี้มีหน่วยงาน Digital Capability Centers ตั้งอยู่ที่สำนักงานในประเทศนั้น ๆ (Physical) และมีทีมงานทำงานร่วมกับ DCOE ที่สำนักงานใหญ่ในประเทศไทย (Virtual) โดยได้ขับเคลื่อนกระบวนการ Digital Transformation ที่เหมาะกับบริบทของธุรกิจในแต่ละประเทศ ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างสรรค์ไอเดีย พัฒนา และร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนั้น ๆ จากเครือข่ายเทคโนโลยีของบ้านปู โดยมีดิจิทัลโปรดักส์ กว่า 82 เคสและยังคงพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง
นวัตกรรมที่น่าสนใจจาก Digital Transformation ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีทั้งสำหรับผู้บริหารและสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่สำนักงาน อาทิ ระบบ Melak Digital Center (MDC) ที่ใช้ Big Data Analytic วิเคราะห์ข้อมูลกระบวนการผลิต และห่วงโซ่อุทาน (Supply Chain) ให้ห้องควบคุมที่อินโดนีเซียแบบเรียลไทม์ Global Procurement Excellence (GPE) ซึ่งเป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement) มาตรฐานระดับโลกช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสำหรับที่ไซต์งาน ทั้งที่เหมืองและโรงไฟฟ้า อาทิ Geophysical Logging System (GLOG) ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บ่งชี้เวลาและจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดที่จะทำการขุดเจาะ ซอฟท์แวร์ UMA (Underground Mining Assistant) ที่ช่วยเชื่อมต่อผู้ปฏิบัติงานในเหมือนใต้ดินกับหัวหน้างานบนภาคพื้นดินในออสเตรเลีย และ ‘SwitchDin’ ระบบบริหารจัดการการใช้พลังงานสำหรับทุกเหมืองที่ออสเตรเลียด้วยอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things: IoT) และ เทคโนโลยีเก็บข้อมูล (Cloud Platform) ฯลฯ
ทั้งนี้ ล่าสุด นอกจากกลยุทธ์ Greener & Smarter แล้ว บ้านปูยังได้เพิ่มกลยุทธ์ Faster เข้ามาด้วย เพื่อเร่งการยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถสร้างความยั่งยืนหรือ ESG (Environment, Social and Governance Principles) ให้กับทั้งธุรกิจ ความยั่งยืนด้านพลังงาน และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และสังคม
ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Customer Centric) ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ควบคู่กับการบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล พร้อมทั้งเน้นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ให้มีความครบวงจรมากที่สุด โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าและสตารท์อัพด้านเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อคิดค้นและพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และ เทรนด์พลังงานของโลกอย่างยั่งยืน บ้านปูยังมีความมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน รวมถึงสร้างผลประโยชน์อย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มใน 10 ประเทศ อาทิ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจต่อไป