นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดี พพ. เผยว่า จากสถานการณ์ด้านพลังงานในปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเพิ่มประสิทธิ ภาพการใช้พลังงานจึงเป็นภารกิจสำคัญของภาครัฐและทุกภาคส่วน การดำเนินมาตรการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงาน ถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเลือกใช้อุปกรณ์ วัสดุ และเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวมของประเทศ และส่งเสริมให้เกิดการตระหนักรู้ในกลุ่มผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น ความร่วมมือระหว่าง กฟผ. กับ พพ. ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจสอดคล้องกัน ในการขับเคลื่อนประเทศสู่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

 

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. เผยว่า กฟผ. มุ่งมั่นดูแลความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 มาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เข้าสู่ “30 ปี ฉลากเบอร์ 5” ปัจจุบันมี 26 ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5

 

ขณะเดียวกัน พพ. ได้ดำเนินโครงการฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง 19 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้งสองมาตรฐานเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันส่งเสริมให้ผู้บริโภคเลือกใช้เครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ และภาคขนส่ง นำไปสู่การประหยัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม กว่า 4,540 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมกันกว่า 27 ล้านตัน

 

 

 

 

การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เป็นเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองหน่วยงานที่จะผลักดันการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะร่วมกันศึกษาแนวทางบูรณาการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 และฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง ให้มีรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อลดความสับสนของผู้บริโภค ยกระดับมาตรฐาน แนวทางการจัดการข้อมูลและการประเมินผล ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน แผนอนุรักษ์พลังงาน และเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย

 

อีกทั้งช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถกำหนดมาตรการได้อย่างตรงจุดและเป็นระบบ ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการพัฒนาเทคโนโลยี อันเป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น

 

ทั้งนี้ กฟผ. และ พพ. จะร่วมกันพัฒนาฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงานของประเทศ ภายใต้แนวคิดหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1. มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุด เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมด้านการลดค่าใช้จ่าย การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ 2. การจัดการข้อมูลและรายงานผลตามมาตรฐานสากล เพื่อให้กระบวนการรับรองและติดตามผลมีความถูกต้อง แม่นยำ และตรวจสอบได้ โดยจะมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางและกำหนดแนวทางการประเมินผลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและสอด คล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ 3. เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งหน่วยงานผู้กำกับดูแลด้านนโยบาย ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ และประชาชน ในการพัฒนาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าฉลากที่พัฒนาขึ้นสามารถตอบสนองต่อความต้องการของทุกฝ่าย และสามารถนำไปใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ