บี.กริม เพาเวอร์ ปรับโครงสร้างการบริหารรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“บี.กริม เพาเวอร์”) จึงได้พิจารณาปรับโครงสร้างการบริหาร และอนุมัติการจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) เพื่อส่งเสริมและรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการแต่งตั้ง คุณปรียนาถ สุนทรวาทะ ให้ดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการ (Vice Chairperson) และปรับเปลี่ยนบทบาทจากตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาเป็นกรรมการบริหาร บี.กริม เพาเวอร์ โดยมีหน้าที่ บริหารจัดการธุรกิจต่างประเทศและมุ่งเน้นการขยายกิจการซึ่งมีเป้าหมาย ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ในต่างประเทศ อีกกว่า 3,000 เมกะวัตต์ในปีหน้า และพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า และลำเลียง ก๊าซ LNG ให้ประสบความสำเร็จต่อไป
ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงได้อนุมัติแต่งตั้ง ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทนตำแหน่งที่ว่างลงนี้ ทั้งนี้ ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และมีประสบการณ์ทำงานในธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจพลังงานมายาวนานกว่า 40 ปี โดยเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้บริหารระดับสูงสุดของ บี.กริม เพาเวอร์มาตั้งแต่เริ่มต้น
บี.กริม เพาเวอร์ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักธรรมมาภิบาล มุ่งเน้นการขยายธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยปัจจุบัน คณะกรรมการบริษัทมีสัดส่วนกรรมการอิสระ ถึงร้อยละ 66.6 และนอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงได้อนุมัติแต่งตั้ง คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการอิสระ (Lead Independent Director) เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจตามหลักกำกับดูแลกิจการที่ดีให้เป็นไปตามหลักสากล
ด้วยเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตไปสู่ 7,200 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตจากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา 3,682 เมกะวัตต์ บี.กริม เพาเวอร์ ได้ขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ เวียดนาม สปป.ลาว โอมาน ฟิลิปปินส์ และล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์ภายใต้บริษัท Ray Power ในกัมพูชาได้ผ่านการทดสอบความสมบูรณ์ของการเชื่อมต่อระบบเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนนี้ตามแผนแม้ว่าจะมีเหตุการณ์โควิด 19 และอุทกภัยก็ตาม ซึ่งจะถือเป็นการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งเดียวของกัมพูชาในปีนี้