4 หน่วยงานชั้นนำทั้งไทยและสหรัฐ ฯ
จับมือพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจน เปิดทางสู่พลังงานทางเลือกใหม่
หนุนการลดคาร์บอนของไทย สู่เป้าหมาย Carbon Neutrality
Bloom Energy, ATE, กฟผ. และ เอ็กโก กรุ๊ป ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยร่วมพัฒนาการใช้ไฮโดรเจนมาผลิตพลังงานไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงชนิดออกไซด์แบบแข็งและเทคโนโลยีแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแหล่งเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่ด้านการผลิตไฟฟ้า ที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการลดคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศไทย และการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ไฮโดรเจน เพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ให้สำเร็จ
Mr.John D. Breidenstine อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ Mr.Edwin C. Sagurton ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) และพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน ด้วยเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงชนิดออกไซด์แบบแข็ง (Solid Oxide Fuel Cell: SOFC) และเทคโนโลยีแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (Solid Oxide Electrolyzer Cell: SOEC) เพื่อสนับสนุนการดำเนินการลดคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศไทยและการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ไฮโดรเจน ระหว่าง Mr.Tim Schweikert กรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท Bloom Energy Corporation นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานกรรมการบริษัท เอ ที อี จำกัด นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. และนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ณ ห้องประชุม ชั้น 19 อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ.

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) เน้นย้ำความจำเป็นสูงสุดของประเทศไทยที่ต้องจัดการกับภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมการดำเนินงานของประเทศ โดยได้ประกาศเป้าหมายของประเทศไทยว่าจะมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 กระทรวงพลังงานจึงได้ออกแผนพลังงานชาติ เพื่อกำหนดนโยบายพลังงานให้สอดคล้องกับเป้าหมาย โดยด้านพลังงานไฟฟ้า มุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดของโรงไฟฟ้าใหม่ให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% พร้อมสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า พัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีระบบไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ในระบบไมโครกริด ด้านก๊าซธรรมชาติ เน้นการเปิดเสรีและการซื้อขายเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับระบบพลังงานของประเทศ
พร้อมทั้งวางแผนสร้างสมดุลระหว่างการผลิตภายในประเทศและการนำเข้า LNG เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางตลาดซื้อขาย LNG และด้านน้ำมัน ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการด้านการเปลี่ยนผ่าน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างผู้ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพและผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานหมุนเวียน ทุกภาคส่วนจะได้รับการสนับสนุนให้ผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า เป็นความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา โดยในส่วนของไทย ได้แก่ กฟผ. ในฐานะรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้านพลังงาน ภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน ได้ตอบสนองต่อนโยบายโดยจัดหาเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าใหม่ ซึ่งปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์และนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาในไทย และเอ็กโก กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของไทย ที่ กฟผ. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รวมถึง บริษัท เอ ที อี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านพลังงาน รวมถึงให้บริการติดตั้งในด้านพลังงานหมุนเวียน และมีการผลิตพลังงานในรูปแบบ Green Hydrogen และในส่วนของสหรัฐ ฯ โดยบริษัท Bloom Energy Corporation ในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ด้วยเทคโนโลยี SOFC และ SOEC ซึ่งจะมาช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านการปรับปรุงระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้สะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการพัฒนาและนำไปสู่เทคโนโลยีพลังงานทางเลือกใหม่ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่สนับสนุนไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ และขยายไปถึงประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต